เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี

Mar 8 / IkonClass Staff
Photo by Andre Furtado from Pexels
ไม่ว่าคุณจะถ่ายรูปภาพด้วยโทรศัพท์หรือกล้อง DSLR กล้องถ่ายรูปถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่มีอิทธิพลต่อชีวิตพวกเราเป็นอย่างมาก เพียงแค่เรากดชัตเตอร์กล้อง เราก็สามารถหยุดเวลาไว้ในเฟรม กล้องถ่ายรูปทำให้เราสามารถเก็บความทรงจำ สถานที่ คน สิ่งของ สภาพอากาศ อารมณ์ ของห้วงเวลานั้นไว้เป็นที่จดจำของคนที่ย้อนกลับมาดูรูปภาพ ในบทความนี้ เราจะมาเรียนรู้เทคนิคขั้นพื้นฐานของการถ่ายรูป ที่จะทำให้คุณเป็นคนถ่ายรูปเก่งไปโดยปริยาย
เรียนถ่ายรูปกับช่างภาพแนวหน้าของประเทศไทย

กำหนดคอนเซ็ปต์ของรูปภาพ

สำหรับคนที่พึ่งเริ่มถ่ายรูป การคำนึงถึงคอนเซ็ปต์รูปภาพถือว่าเป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก ไม่ว่าเราต้องการจะถ่ายภาพธรรมชาติ ภาพครอบครัว ภาพชีวิตประจำวัน ภาพอาคารตึก ภาพสัตว์ เราควรมีภาพในหัวของเราว่าต้องการภาพให้ออกมาในแบบไหน การทำความเข้าใจกับคอนเซ็ปต์ภาพที่ตัวเองต้องการจะทำให้การถ่ายรูปเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ยกตัวอย่างเช่น ถ้าพรุ่งนี้เรากำลังจะเดินทางไปทำบุญที่วัด เราก็สามารถหารูปวัดในอินเทอร์เน็ต ให้เลือกรูปที่ตัวเองชอบ และศึกษาว่ารูปที่ถ่ายออกมา เขาตั้งค่ากล้องของเขายังไง ถ่ายจากมุมไหน ถ่ายแค่วิวหรือมีคนเป็นจุดโฟกัส ให้เราทำกรณีศึกษากับทุกสถานที่และซับเจคที่เราจะถ่าย ให้ศึกษารูปภาพจนกว่าเราจะมีความคิดที่แน่ชัดในหัวของเราว่าเราต้องการรูปแบบไหน เมื่อทำได้เช่นนี้แล้ว การถ่ายรูปก็จะไม่ใช่เรื่องอยากอีกต่อไป เราก็จะไม่ต้องกังวลหรือกระวนกระวายเวลาไปเจอสถานที่นั้นๆ เพราะเรามีรูปภาพในหัวเป็นตัวนำทางอยู่แล้ว

ทำความเข้าใจกับซับเจค

พอเราทำความเข้าใจกับคอนเซ็ปต์ภาพ เราก็ต้องหันมาให้ความสนใจกับซับเจค (subject) ซับเจคในที่นี้หมายถึงอะไรก็ได้ที่เป็นจุดสนใจ หรือ จุดโฟกัสของรูปภาพ ไม่จำเป็นว่าต้องเป็นสิ่งมีชีวิตเสมอไป ตึก บ้าน สิ่งของต่างๆ นานา ก็สามารถนำมาเป็นซับเจ็คได้เช่นกัน แต่คำถามที่คุณต้องถามตัวเองอยู่เสมอคือ ทำไมเราต้องเอาคนหรือสิ่งสิ่งนั้นมาเป็นจุดโฟกัสของรูปภาพ และ เราต้องการให้ซับเจคสื่ออะไร อย่างเช่น ในกรณีงานแต่งงาน ซับเจคควรจะเป็นเจ้าบ่าวเจ้าสาว พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อน สิ่งที่เราต้องการจะสื่อ คือการที่เราอยากจะจดจำช่วงเวลาความสุขของคนสองคนที่เขากำลังมีให้กับตัวเองและคนรอบข้าง หรือ ในกรณีที่ซับเจคเป็นสิ่งไม่มีชีวิต เราก็ควรคิดอย่างถี่ถ้วนว่าเราต้องการจะเน้นจุดไหนของสิ่งนั้น และทำไมเราต้องเน้นจุดนั้นเป็นพิเศษ ยกตัวอย่างเช่นในการถ่ายรูปตัวบ้านหรือรถยนต์ เราต้องการที่จะนำเสนอจุดทีเด่นและสง่าที่สุดของมัน เพราะฉะนั้นเราก็ต้องหาจุดเด่นของสิ่งของนั้นให้ได้ จุดสำคัญของการเลือกซับเจคคือการสื่อสารข้อความหรืออารมณ์ผ่านซับเจคนั้นๆ ให้ถามตัวเองอยู่เสมอว่า เราต้องการให้ซับเจคของเราสื่ออะไร?

ทำไมเราต้องศึกษากฎการถ่ายรูป?

ถึงแม้ว่าการถ่ายรูปจะขึ้นอยู่กับมุมมองและอุดมคติของคนถ่าย แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะถ่ายรูปตามใจชอบโดยไม่คำนึงถึงองค์ประกอบพื้นฐานของรูปภาพ ในทุกสายงานของศิลปะ ล้วนจะมีกฎเกณฑ์ที่เป็นรากฐานของการสร้างสรรค์ผลงาน ยกตัวอย่างเช่นการแต่งนิยาย ไม่ว่าผู้เขียนจะใช้จินตนาการมากแค่ไหน แต่การเขียนนิยายที่ดีก็มีกฎเกณฑ์ที่นักเขียนต้องทำตาม ในการวาดภาพ ถ้านักวาดไม่สามารถวาดรูปทรงพื้นฐานอย่างชำนาญ เขาก็จะไม่สามารถวาดรูปภาพขั้นสูงได้ เราจะเห็นได้ว่ากฎเกณฑ์ของศิลปะไม่ได้ทำให้ศิลปินเป็นคนขาดจินตนาการ แต่กฎเกณฑ์ทำให้ศิลปินมีพื้นฐานที่จะเอาไว้ต่อยอดไปสู่อีกขั้นของการสร้างสรรค์ผลงาน เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยากถ่ายรูปที่ดูสวยและน่าจดจำ เราก็ต้องทำความเข้าใจกับกฎเกณฑ์การจัดองค์ประกอบของรูปภาพเสียก่อน
เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี

กฎสามส่วน

กฎสามส่วนเป็นกฎของการจัดองค์ประกอบรูปภาพที่คนส่วนมากรู้จัก การจะใช้กฎสามส่วนก็ไม่ยาก แค่ทำการเปิดเส้นตาราง หรือ grid lines ในกล้อง เฟรมรูปภาพเราก็จะถูกแบ่งออกเป็นช่อง 3x3 ประกอบไปด้วยเส้นแนวตั้ง 2 เส้น และเส้นแนวนอน 2 เส้น รวมกันเป็นช่อง 3x3 พร้อมกับจุดตัดสี่จุดที่เส้นมาทับกัน (เส้นสี่เหลื่องในรูปภาพ) จุดประสงค์หลักของกฎสามส่วนคือการทำให้รูปภาพของเรามีจุดโฟกัสที่ดีและสมมาตร

Photo by Vladimir Gendelman from Company Folders
เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี
หลายคนอาจจะคิดว่าการถ่ายรูปที่ดีคือการเอาซับเจคไว้ตรงกลางของช่องพอดี แต่ในความเป็นจริงแล้ว ตาของมนุษย์ไม่ได้โฟกัสแค่ตรงจุดกลางของรูป ในทางกลับกัน ตาของเรามองภาพโดยรวมในบริเวณที่เส้นตารางตัดกันสี่จุด แต่อย่างไรก็ตาม การเอาซับเจคมาไว้ตรงกลางก็ไม่ถือว่าผิดถ้ารูปที่ถ่ายออกมานั้นมีความสมมาตร แทนที่เราจะเอาหน้าคนมาไว้ตรงกลางเป้ะ ให้เราลองเอาดวงตาของซับเจคไปเทียบกับหนึ่งในสี่ของเส้นตัดโฟกัส
Photo by Vladimir Gendelman from Company Folders
เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี
ถ่ายรูปวิว: ข้อควรระวังของการถ่ายรูปวิว คือการที่ด้านล่างหรือด้านบนของรูปภาพนั้นเยอะเกินไป ทำให้เกิดความไม่สมดุลในรูปภาพ เทคนิคของการถ่ายรูปวิวคือ ให้ถือโทรศัพท์หรือกล้องถ่ายรูปเป็นแนวนอน จากนั้น ให้เอาเส้นตารางอันบนไปเทียบกับแนวขอบของวิวด้านบน เท่านี้ เราก็จะได้รูป landscape ที่สมดุลแล้ว
Photo by Vladimir Gendelman from Company Folders
เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี
ถ่ายรูปตึก: เวลาที่เราต้องการจะโฟกัสโครงสร้างของตึก ให้ทำการถอยหลังออกมาหรือซูมกล้องออก เพื่อที่โครงสร้างจะได้อยู่ในเฟรมอย่างเท่าเทียม เราจะสังเกตได้ว่า ในรูปข้างซ้าย กล้องอยู่ใกล้กับตัวโครงสร้างจนเกินไป ทำให้จุดโฟกัสกลายเป็นวิวตึกข้างนอก แต่ในรูปข้างขวา การถอยออกมาทำให้โครงสร้างเข้ามาอยู่ในเฟรมได้อย่างสมบูรณ์และเท่าเทียมทั้งฝั่งซ้ายและขวา
เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี
Photo by Taphatchot Suhirankornwit

การจัดองค์ประกอบรูปภาพ 5 ชนิด

Formal / Symmetrical Balance หรือเทคนิคการถ่ายภาพสมมาตร คือการวางองค์ประกอบในภาพให้สมดุลกันทั้งแนวตั้งและแนวนอน ให้ซับเจคที่เราต้องการแคปเจอร์อยู่ตรงกลางของเฟรม แล้วจินตนาการว่ามีเส้นผ่าศูนย์กลางแบ่งรูปภาพออกเป็นสองส่วน แต่ละส่วนมีองค์ประกอบเท่า ๆ กัน ไม่มีด้านที่ดูเยอะกว่าหรือน้อยกว่า วิธีที่ง่ายที่สุดในการฝึก Symmetrical balance คือลองถ่ายที่มีการสะท้อนที่มีเงาสะท้อนของซับเจค สังเกตุจากรูปตัวอย่างที่เรายกตัวอย่างทางขวามือ วิวของเรือสะท้อนบนผืนน้้ำเปรียบเสมือนเส้นผ่าศูนย์กลางของภาพ ประกอบกับพื้นที่ท้องฟ้าที่มีสัดส่วนพอ ๆ กันผืนน้ำ ทำให้ภาพนี้ออกมาดูมีเสน่ห์และสมบูรณ์


เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี
Photo by Sebastian K from Pexels

Asymmetrical Balance หรือ การถ่ายภาพที่ไม่สมดุล เป็นการถ่ายภาพที่จัดซับเจคไม่ให้อยู่ตรงกลางของเฟรม ผู้ถ่ายจะต้องคำนึงถึงความสมดุลและความสัมพันธน์ระหว่างซับเจคหลักกับสิ่งแวดล้อม หลักการคิดง่ายๆของ Asymmetrical balance คือ ไม่ว่าซับเจคจะอยู่ซ้าย ขวา บน ล่าง ในขณะเดียวกัน อีกฝั่งของรูปภาพต้องมีอะไรบางอย่างมาถ่วง ยกตัวอย่างเช่น ถ้าซับเจคหลักอยู่ทางขวาของรูปภาพ ทางซ้ายก็ควรจะมีอะไรบางอย่างมาเติมเต็มรูปภาพ ทำให้รูปภาพมี “นํ้าหนัก” ที่เท่ากัน ในรูปภาพด้านซ้าย จักรยานสองคันที่อยู่ทางขวามือถูกถ่วงด้วยประตูตึกทางซ้ายมือ ผลลัพธ์ที่ได้คือรูปภาพดูมีน้ำหนักเท่ากัน ถึงแม้ว่าซับเจคจะไม่ได้อยู่ตรงกลางของเฟรม
เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี
Photo by Emma Li from Pexels

Tonal Balance หรือ การคุมโทนของภาพ การคุมโทนไม่ใช่การคุมสี แต่คือการคุมความเข้มของสี สีที่มีความเข้มจะมีนํ้าหนักและดึงดูดสายตามากกว่าสีอ่อน Tonal Balance จึงเป็นเทคนิคที่เน้นให้ภาพมีความผสมผสานที่ลงตัวระหว่างโทนอ่อนและโทนเข้ม การคุมโทนจะเห็นได้ชัดที่สุดในการถ่ายภาพขาวดำ ดูได้จากรูปประกอบด้านขวามือ ความเข้มของสีดำดึงดูดความสายตาผู้ชมไปยังสระน้ำและนางแบบซึ่งเป็นซับเจคของภาพ ในขณะเดียวกัน แสงสีเทาตรงตัวนางแบบกับแสงจาผิวน้ำลงสู่พื้นสระคือส่วนที่ทำให้ภาพดูมีมิติ และไม่ดูหนักจนเกินไป
เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี
Photo by Pixabay from Pexels

Color Balance หรือ การคุมเฉดสีในรูปภาพเพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างสีเข้มและสีอ่อน เริ่มต้นง่าย ๆ จากซับเจคที่มีสีสดมากกว่าพื้นหลังหรือองค์ประกอบอื่น ในรูปตัวอย่าง เราจะเห็นว่าตัวบ้านสีแดงเป็นซับเจค ซึ่งโดดเด่นออกมาจากหญ้าสีเขียว ตึกสีครีม และท้องฟ้าสีฟ้าเป็นสีที่อ่อนกว่า รูปนี้ถือว่ามีความสมดุลของเฉดสีเพราะรูปภาพสามารถแสดงสีหลายเฉด แต่ยังมีจุดรวบสายตาที่ชัดเจน และองค์ประกอบแต่ละอย่างไม่แย่งกันเด่น
Conceptual Balance หรือ การจัดวางคอนเซ็ปต์ เป็นการจัดองค์ประกอบที่ไม่เกี่ยวกับฝีมือทางเทคนิคหรือการตั้งค่าของกล้อง แต่จะพูดถึงการเอาซับเจคหรือไอเดียสองอย่างที่มีความแตกต่าง หรือความไม่เข้ากันมารวมอยู่ในรูปภาพเดียวกัน นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ เวลา สถานที่ สิ่งของ และปรัชญามาเป็นลูกเล่นใน Conceptual balance ได้อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การถ่ายรูปตึกโบราณกับตึกที่ทันสมัย การถ่ายรูปคนที่แต่งตัวลํ้าสมัยในสถานที่ประวัติศาสตร์ การถ่ายนกที่ติดอยู่ในกรง เราจะสังเกตได้ว่าทุกตัวอย่างที่พูดมาจะมีความย้อนแย้งในรูปภาพเสมอ นี่คือการจัดวางคอนเซ็ปต์ หรือ Conceptual balance นั่นเอง
เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี
Photo by Kelvin Valerio from Pexels

การถ่ายรูปจากหลายมุมมอง

กล้องถ่ายรูปก็เหมือนตาของมนุษย์ การที่เรามองคน สิ่งของ สัตว์ อาคาร จากระดับความสูงหรือมุมมองใหม่ๆ ทำให้เราค้นพบสิ่งที่เราไม่สามารถเห็นได้จากมุมมองเดิม กล้องถ่ายรูปก็เช่นกัน นอกจากการจัดองค์ประกอบของรูปภาพแล้ว เรายังสามารถเพิ่มความน่าสนใจให้กับรูปภาพโดยการถ่ายจากมุมมองที่แตกต่างจากเดิม

การปรับระดับสายตา: ด้วยความที่ตาของเราเป็นอวัยวะที่อยู่สูง เราเลยเกิดความเคยชินกับการมองโลกจากวิวที่สูง จะสังเกตได้ว่า เวลาเราต้องการจะถ่ายรูปอะไรสักอย่างแบบรวดเร็ว เราจะเอากล้องขึ้นมาอยู่ตรงหน้าเราหรือระดับสายตาเสมอ ในทางกลับกัน แทนที่เราจะถ่ายรูปภาพจากระดับสายตาตัวเอง ก็ให้ลองถ่ายรูปจากระดับสายตาของซับเจค อย่างเช่น ถ้าต้องการจะถ่ายสัตว์เลี้ยง หรือ เด็กที่เตี้ยกว่าเรา ให้ลองลดระดับกล้องไปอยู่ในระดับสายตาของเด็กหรือสัตว์เลี้ยง การถ่ายเช่นนี้จะทำให้เราสามารถเชื่อมต่อกับตัวซับเจคได้มากกว่าการถ่ายจากมุมมองธรรมดาของตัวเอง

การบังคับมุมมอง หรือ Forced Perspective คือใช้มุมเพื่อทำให้ซับเจคดูเล็กหรือใหญ่กว่าปกติ หรือทำให้ดูเหมือนว่าเรากำลังเล่นกับตัวซับเจค ตัวอย่างที่เห็นได้บ่อยที่สุดคือ การถ่ายรูปกับหอเอนปิซา การถ่ายรูปหยิบพระจันทร์ หรือแม้แต่การถ่ายรูปกับของเล่นก็เป็นไปได้เช่นกัน เป็นเทคนิคง่ายๆ ที่ใครก็ทำได้ แค่ต้องเล็งระยะห่างกับการจัดฉากจนกว่าจะได้รูปที่ต้องการ
เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี
Photo by Meenakshi Vinay Rai from Pexels

การใช้มุมมองทับซ้อน เป็นเทคนิคที่ใช้ได้ดีในการถ่ายภาพ landscape หรือรูปธรรมชาติ นั่นก็คือการที่รูปภาพมีการซ้อนระหว่าง พื้นหน้า (สิ่งที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด) พื้นกลาง (สิ่งที่อยู่ช่วงกลาง) และ พื้นหลัง (สิ่งที่อยู่หลังสุดของรูป) การจัดมุมมองแบบซ้อนจะทำให้รูปภาพดูมีมิติและไม่น่าเบื่อ แต่การใช้มุมมองทับซ้อนไม่จำเป็นว่าจะต้องใช้กับแค่ธรรมชาติอยู่อย่างเดียว เราสามารถนำไปใช้กับการถ่ายรูปคนและสิ่งของได้เช่นกัน ยกตัวอย่างจากรูปด้านซ้ายมือ พื้นหน้าคือบริเวณที่เรากำลังเห็นนักท่องเที่ยวเดินไปมา จะเป็นจุดที่ใกล้คนถ่ายมากที่สุด พื้นกลางคือรูปปั้นสฟิงซ์ที่อยู่ระหว่างพื้นหน้าและพื้นหลัง ส่วนพีระมิดก็คือพื้นหลัง เป็นจุดที่อยู่หลังสุดของรูปภาพ เมื่อเกิดการทับซ้อนระหว่างสามฉาก ผลลัพธ์ที่ได้คือมิติเชิงลึก เป็นการสร้างความลึกและระยะทางในรูปภาพถึงแม้ว่ารูปถ่ายจะเป็นแค่สองมิติ

ณัฐ ประกอบสันติสุข สอนการถ่ายภาพแฟชั่น

เรียนถ่ายรูปกับช่างภาพแนวหน้าของประเทศไทยได้แล้ววันนี้
Write your awesome label here.
เทคนิคการถ่ายรูปสำหรับมือใหม่ ทำยังไงให้รูปภาพดูดี
Photo by Suraj Arya from Pexels

การถ่ายแบบจุดรวมสายตา 2 จุด หรือ 2-Point Perspective เป็นเทคนิคเดียวกับการวาดภาพเพื่อสามมิติเพื่อโชว์ความลึกของซับเจค หลักการของ 2-Point Perspective คือการลากเส้นจากจุดที่มองไม่เห็นทางซ้ายและขวาบนระนาบแนวนอน (horizontal line) ให้มาบรรจบกันจุดโฟกัส 

จากรูปตัวอย่างจะเห็นว่า มุมอาคารตรงกลางเฟรมคือจุดโฟกัส ทำให้อาคารด้านซ้ายแล้วขวาดูยาวและลึกเข้าไปทั้งสองทางอย่างไม่มีมีที่สิ้นสุด

กล้าลอง กล้าถ่าย

ในบทความนี้เราก็ได้พูดเกี่ยวกับกฎหลักที่จำเป็นในการถ่ายรูป เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับซับเจค การจัดองค์ประกอบ กฎสามส่วน และอีกมากมาย แต่ท้ายที่สุดแล้ว การศึกษาเทคนิคและวิธีการถ่ายรูปก็เป็นแค่ส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ ทางเดียวที่จะทำให้คุณถ่ายรูปเก่งขึ้นคือการที่คุณได้ลงมือออกไปถ่ายรูปจริงๆ พร้อมกับเทคนิคที่ได้เรียนรู้มา เมื่อคุณถ่ายรูปบ่อยขึ้น มันก็จะหล่อหลอมฝีมือและวิสัยทัศน์ของคุณไปในตัว คุณก็จะเริ่มสร้างความคุ้นเคยกับรูปที่สวยและสมมาตร อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าบทความนี้จะพูดถึงกฎเกณฑ์การถ่ายรูปเป็นหลัก แต่ก็ขออย่าให้คุณกลัวที่จะลองอะไรแปลกใหม่ไปจากสิ่งที่กฎได้ชี้แนะไว้ และที่สำคัญที่สุด คุณต้องมีความกล้าที่จะหยิบกล้องขึ้นมาถ่ายรูป ไม่ว่าจะอยู่ในสาธารณะที่มีคนเต็มไปหมด หรือ ในที่เงียบๆ ที่มีแต่กล้องกับคุณ ขอให้คุณกล้าที่จะหยิบกล้องขึ้นมาเก็บความทรงจำอันลํ้าค่าไว้ตลอดไป

บทความล่าสุด

คอร์สเรียนของเรา