Fragrance หรือ Perfume ? วิธีเลือกซื้อน้ำหอมที่ถูกต้อง

Aug 16 / IkonClass Staff
คุณอาจจะเคยเดินเข้าแผนกเครื่องสำอางเพื่อจะซื้อน้ำหอม แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะซื้ออันไหนและต้องเลือกยังไง เพราะนอกจากยี่ห้อน้ำหอมที่มีจนล้นตลาดแล้ว น้ำหอมยังถูกแบ่งแยกไปตามชนิดของน้ำหอมอีกด้วย ทำให้การซื้อน้ำหอมสำหรับคนที่ไม่เคยซื้อนั้นเป็นสิ่งดูยากและน่าสับสน ในบทความนี้ ทาง IkonClass จะมาสรุปสั้น ๆ เกี่ยวกับชนิดของน้ำหอมและความแตกต่างของมัน
สิ่งสำคัญเกี่ยวกับการแต่งหน้าสำหรับมือใหม่
เรียนแต่งหน้ากับช่างแต่งหน้าอันดับ 1 ของประเทศไทย

Fragrance = Perfume ?

คำว่า “Fragrance” (อ่านว่า เฟรเกรินซ) หมายถึงส่วนผสมที่มีกลิ่นเป็นเอกลักษณ์พิเศษที่ถูกใช้ในผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง ซึ่งสามารถประกอบไปด้วยส่วนผสมจากธรรมชาติ (Organic) หรือการผสมสารเคมีที่สร้างขึ้นในแล็ปทดลอง เพื่อป้องกันการลอกเลียนแบบกลิ่น Fragrance ประจำแบรนด์ ทำให้ยี่ห้อเครื่องสำอางต่าง ๆ ระบุบนฉลากผลิตภัณฑ์ไว้เพียงแค่คำว่า “Fragrance” และไม่เปิดเผยส่วนผสมที่แท้จริง

ส่วนคำว่า “Perfume” (อ่านว่า เพอฟูม) หรือที่เรียกกันว่า “น้ำหอม” นั้นหมายถึงส่วนผสมของสารเคมีที่มีกลิ่นหอมในรูปแบบน้ำ ซึ่งส่วนผสมของ Perfume สามารถประกอบไปด้วยน้ำมันหอมระเหย ส่วนผสมจากธรรมชาติ และ Fragrance เพื่อสร้างความหอมตามคอนเซ็ปต์ของแต่ละรุ่น

ชนิดของ Perfume

คุณเคยสงสัยไหม ? ว่าทำไมน้ำหอมบางขวดกลิ่นหอมชื่นใจแต่พอใช้แล้วกลิ่นหายตั้งแต่ตอนครึ่งวัน ? เคล็ดลับความทนนานไม่ได้อยู่ที่ความถี่ในการฉีด แต่อยู่ที่การเลือกชนิดน้ำหอมต่างหาก ซึ่งคุณสามารถเลือกซื้อน้ำหอมได้ตามชนิดดังนี้ :
  • Eau Fraiche : เป็นน้ำหอมที่มีส่วนผสมของ Fragrance 1-3% และถูกผสมเข้ากับน้ำ ปราศจากส่วนผสมของแอลกอฮอล์ กลิ่นไม่ติดทนนาน เหมาะสำหรับคนที่กำลังมองหาน้ำหอมกลิ่นเบา มีผิวแพ้ง่าย หรือคนที่กำลังมองหาน้ำหอมราคาย่อมเยา
  • Eau de Cologne : น้ำหอมชนิดนี้มีส่วนผสมของ Fragrance 2-4% และมักจะมีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอมชนิดนี้มักจะถูกใช้กลุ่มผู้ชายโดยเฉพาะหลังจากโกนหนวด (Aftershave) หรือเพื่อเพิ่มกลิ่นความสดชื่นระหว่างวัน น้ำหอมชนิดนี้อยู่ได้ประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  • Eau de Toilette (EDT) : มีส่วนผสมของ Fragrance 5-15% และส่วนผสมของแอลกอฮอล์ กลิ่นของน้ำหอม EDT สามารถอยู่ได้ถึง 2-4 ชั่วโมงก่อนที่จะเริ่มเจือจาง เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการให้กลิ่นติดแค่ตอนช่วงเช้าถึงช่วงบ่ายแก่ ๆ
  • Eau de Parfum (EDP) : มีส่วนผสมของ Fragrance ที่ 15-20% น้ำหอมชนิดนี้ถูกพัฒนาให้กลิ่นติดตัวผู้ใช้ตั้งแต่เช้ายันค่ำ โดยที่กลิ่นของ EDP จะไม่แรงเกินไปจนทำให้คนรอบข้างเวียนหัว
  • Parfum / Extrait de Parfum : เป็นน้ำหอมที่มีกลิ่นแรงและติดแน่นทนนานมากที่สุด ด้วยส่วนผสมของ Fragrance ที่สูงสุดถึง 30% ทำให้น้ำหอมชนิดนี้มีกลิ่นที่ค่อนข้างแรง เหมาะกับสถานการณ์อย่างงานกลางคืนที่ต้องการเป็นจุดสนใจในกลุ่มคนหมู่มาก น้ำหอมชนิดนี้มีราคาที่แพงมากที่สุดในบรรดา Perfume และควรใช้ในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อไม่ให้คนรอบข้างรู้สึกเวียนหัว

ข้อควรระวังของการใช้น้ำหอม

เลือกซื้อขวดที่ใหญ่เกิน เมื่อเวลาผ่านไป น้ำหอมที่ใช้ไม่หมดสักทีจะเริ่มเสื่อมสภาพ ซึ่งเกิดจากการที่ออกซิเจนในช่องว่างของขวดมีปฏิกิริยากับสารเคมีของน้ำหอม ทำให้เกิดการทำลายกลิ่นหอมของส่วนผสม เพราะฉะนั้น เวลาเลือกซื้อน้ำหอมก็ควรเลือกขนาดที่พอดีกับความถี่ของการใช้งาน ถ้าคุณเป็นคนที่ใช้น้ำหอมไม่บ่อย การเลือกซื้อน้ำหอมขวดใหญ่ก็อาจจะทำให้กลิ่นน้ำหอมจางหายไปก่อนที่คุณจะใช้หมด

เก็บน้ำหอมในที่ที่อุณหภูมิเปลี่ยนบ่อย อุณหภูมิห้องมีผลต่อกลิ่นของน้ำหอมเป็นอย่างมาก พยายามเลี่ยงการเก็บขวดน้ำหอมไว้ในห้องอาบน้ำหรือบริเวณโต๊ะที่โดนแสงแดด การกักเก็บน้ำหอมที่ดีที่สุดคือการเก็บไว้ในกล่องที่มาจากโรงงานและวางไว้ในอุณหภูมิห้องที่คงที่

ถูน้ำหอมเข้ากับผิว ความร้อนจากการเสียดสีในขณะที่ถูน้ำหอมจะทำให้น้ำหอมมีกลิ่นที่เพี้ยนและผิดแปลก สิ่งที่คุณควรทำเวลาฉีดน้ำหอมก็คือฉีดและรอให้น้ำหอมซึมลงบนผิวไปโดยธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการถูน้ำหอมเข้ากับผิวหนังเพื่อคงสภาพกลิ่นที่แบรนด์ตั้งใจผลิตออกมา

ป้อม วินิจ
สอนการแต่งหน้าและความงาม

เรียนรู้ทุกเคล็ดลับและเทคนิคจากช่างแต่งหน้าอันดับ 1
สิ่งสำคัญเกี่ยวกับการแต่งหน้าสำหรับมือใหม่

บทส่งท้าย

หวังว่าคุณจะได้เรียนรู้เกี่ยวกับน้ำหอมมากขึ้นและสามารถเลือกซื้อได้อย่างมั่นใจ สำหรับใครที่ต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง คุณสามารถเรียนกับช่างแต่งหน้าระดับประเทศ ป้อม วินิจ ได้แล้ววันนี้ที่ IkonClass

บทความล่าสุด

บทเรียนของเรา