เชฟต้น พา Le Du คว้าดาวมิชลิน 5 ปีซ้อน กวาดรางวัลอื่นเพียบ

ล่าสุดนี้ จากการประกาศรางวัลมิชลินของมิชลิน ไกด์ ประจำปี 2023 นั้น ร้านอาหารของเชฟต้นก็คว้ารางวัล 1 ดาวมิชลินมาครองได้เช่นเคย และยังมีอีก 3 ร้านอาหารของเขาที่ถูกแนะนำเป็นร้านอาหารจากคู่มือมิชลิน ไกด์ 2023 ไทยอีกด้วย

โดยร้านอาหารที่ยังคงครองรางวัล 1 ดาวมิชลินต่อเป็นปีที่ 5 นั้นได้แก่ “Le Du” หรือร้านฤดู ส่วนร้านที่ได้รับการแนะนำในคู่มือมิชลิน ไกด์ 2023 ได้แก่ ร้านนุสรา ร้านสมุทรและร้านบ้าน สำหรับรายละเอียดรางวัลต่าง ๆ จากมิชลิน ไกด์ปี 2023 ที่เชฟต้นได้นำทีมคว้ามาครอง ได้แก่

ยังคงรักษามาตรฐานได้ดีอีกเช่นเคยสำหรับ ร้าน Le Du ร้านอาหารไทยร่วมสมัย สไตล์ Fine Dining ที่บริหารโดยเชฟต้น ซึ่งในครั้งนี้ก็ได้รับรางวัลใหญ่จากการประกาศรางวัล ‘Michelin Star Revelation Thailand 2023’ ซึ่งร้าน Le Du ก็ได้รางวัล ร้านอาหารมิชลิน 1 ดาวมาครอบครองเป็นปีที่ 5 แล้ว

ความพิเศษของร้าน Le Du คือเป็นร้านที่มีคอนเซปต์ในการเลือกใช้วัตถุท้องถิ่นตามฤดูกาลจากแต่ละจังหวัดทั่วประเทศไทย มาใช้ในการรังสรรค์เมนูและเสิร์ฟความอร่อย พร้อมด้วยเทคนิคและฝีมือการทำอาหารของเชฟต้น จึงไม่แปลกใจเลยที่ร้าน Le Du จะคว้ารางวัลร้านอาหารมิชลิน 1 มาครอบครองอีกครั้ง 

ลำดับต่อมาเป็นร้านอาหารที่ถูกแนะนำในคู่มือมิชลิน ไกด์ 2023 ซึ่งแน่นอนว่าเป็นร้านที่บริหารโดยเชฟต้น เชฟมิชลินไทยชื่อดัง ร้านนี้จะมีลักษณะเป็นสไตล์เชฟส์ เทเบิล (Chef’s Table) ที่เชฟมิชลินไทยคนนี้ตั้งใจทำขึ้นมาเพื่อเป็นอนุสรณ์รำลึกถึงคุณยายอันเป็นที่รักของเขา 

ร้านนุสรา ตั้งอยู่ที่ถนนท่าเตียน ในย่านเมืองเก่าของกรุงเทพฯ การตกแต่งร้านนั้นทำให้รู้สึกได้ถึงบรรยากาศและกลิ่นอายความเป็นครอบครัว สะท้อนถึงตัวตนของคุณยายนุสราได้เป็นอย่างดี เหมือนได้เข้าไปทำความรู้จักกับคุณยายผ่านอาหารและการตกแต่งร้านที่สวยงาม 

สำหรับอาหารในร้านคู่มือมิชลิน ไกด์ 2023 นี้เสิร์ฟ จะเป็นอาหารไทยดั้งเดิม ที่ถูกนำเสนอแบบใหม่ ทำให้มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น โดยมีทั้งหมด 12 คอร์ส ในราคาที่จับต้องได้ ทำให้ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมร้านนุสราจึงกลายเป็นหนึ่งในร้านแนะนำบนคู่มือมิชลิน ไกด์ 2023 ของไทย

สำหรับร้านอาหารถัดมาของเชฟต้น ที่ถูกแนะนำอยู่ในคู่มือมิชลิน ไกด์ 2023 ก็คือร้านบ้าน ซึ่งแน่นอนว่าแนวคิดของร้านนี้คือการทำให้ผู้ที่เข้ามากินอาหาร ได้รู้สึกเหมือนกำลังกินอาหารอยู่ที่บ้านจริง ๆ ด้วยบรรยากาศที่อบอุ่น เป็นกันเองและผ่อนคลาย โดยอาหารที่ร้านบ้านเสิร์ฟนั้นจะเป็นอาหารไทยที่ถูกนำมาปรับปรุงใหม่ ให้ทันสมัยและหลากหลายมากยิ่งขึ้น

อีกทั้งเชฟต้นยังใส่ใจในการคัดสรรวัตถุดิบที่ใช้ประกอบอาหารในแต่ละจาน โดยใช้แค่วัตถุดิบออร์แกนิค ปลอดสารเคมี และเป็นผลผลิตจากเกษตรกรท้องถิ่นไทยล้วน ๆ ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ร้านบ้านของเชฟต้นถูกจัดอันดับอยู่ในร้านอาหารที่คู่มือมิชลิน ไกด์ 2023 ไปได้อย่างไม่ยาก

ตามมาด้วยอันดับที่ 4 คือร้านสมุทร ร้านอาหารทะเลร้านแรกของเชฟต้น ที่เปิดให้บริการในจังหวัดภูเก็ต ร้านสมุทรเป็นร้านอาหารแบบไฟน์ไดนิ่ง (Fine Dining) ที่เชฟต้นริเริ่มขึ้นด้วยไอเดียของที่อยากจะเสิร์ฟอาหารทะเลไทยในแบบที่เป็นไทยจริง ๆ ในรูปแบบที่ทำให้ผู้มาเยือนได้รับประสบการณ์การรับประทานอาหารแบบที่ไม่เหมือนที่ไหนแน่นอน

ในส่วนของการเลือกใช้วัตถุดิบนั้น ที่นี่ไม่เพียงแต่ใช้วัตถุดิบจากท้องทะเลในจังหวัดภูเก็ตเท่านั้น แต่เชฟต้นและทีมยังเลือกใช้วัตถุดิบที่ได้มาจากชาวประมงท้องถื่น จากมั่วแนวชายฝั่งของประเทศไทยเลย เตั้งแต่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร ระนอง ตลอดไปจนพื้นที่อื่น ๆ ที่มีการทำประมงพื้นบ้าน ด้วยรสชาติอาหารที่ถูกปรุงแต่งขึ้นมาอย่างมีเอกลักษณ์นี้ก็ทำให้ร้านสมุทรกลายเป็นเป็นหนึ่งในร้านอาหารแนะนำในคู่มือมิชลิน ไกด์ 2023 ที่รอให้ทุกคนได้ไปสัมผัสกับรสชาติแห่งท้องทะเลไทยกันอย่างสมชื่อ

จาก 7 ร้านอาหารที่เชฟต้นเป็นผู้ดูแลนั้น แต่ละร้านได้รางวัลมาแล้วนับไม่ถ้วนจากหลากหลายมุมทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นแล้วว่าอาหารไทยนั้นมีดีมากกว่าแค่เป็นสตรีตฟู้ด และเป็นได้มากกว่าแค่อาหารในบ้าน แต่เมื่อถูกนำมารวมกับวิธีการนำเสนอ การปรุงแบบใหม่ ๆ และประสบการณ์ที่เป็นสากลมากขึ้น ก็ทำให้อาหารไทยกลายเป็นหนึ่งในอาหารในครัวโลกได้ไม่ยาก ต่อไปนี้จะเป็นการสรุปรวมเกี่ยวกับรางวัลต่าง ๆ ที่เชฟต้นได้นำทัพร้านอาหารของเขาเข้ารับรางวัล

เมื่อได้เห็นถึงรางวัลต่าง ๆ ที่เชฟต้น เชฟมิชลินสตาร์ของไทยได้นำทัพรับรางวัลแบบนี้แล้ว ก็ทำให้เข้าใจว่าจริง ๆ แล้วนั้นอาหารไทยและวัตถุดิบในท้องถิ่นไทย มีคุณภาพและมีรสชาติที่ไม่แพ้อาหารชาติอื่น ๆ ในโลกเลยทีเดียว ซึ่งตรงกับความตั้งใจของเชฟมิชลินไทยอย่างเชฟต้น ที่ต้องการนำเสนออาหารไทยในหลากหลายรูปแบบ และพาอาหารไทยให้เข้าสู่เวทีโลกได้อย่างภาคภูมิ